รีวิว ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
หลังจากเจอบทความนี้ "รีวิว ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์" แล้วเปิดเข้าไปอ่านในบล็อกของ "hashcorner.com" ก็ช่างใจอยู่นานว่าจะคัดลอกมาดีมั๊ยนะ เพราะคนทำบทความตั้งใจทำมากเลย ตั้งใจทำจนผมไม่กล้าคัดลอกกันเลย แต่ก็อยากเก็บไว้อ่านอะนะ
พม่า ถือประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับเรามาอย่างยาวนาน เอาจริงคือ รู้จักพม่ามาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่เพิ่งมาได้สัมผัสในชีวิตจริงก็ตอนที่เราได้ไปเที่ยวครั้งนี้เอง ภาพในจินตนาการก่อนไปเที่ยวที่พม่า แตกต่างจากมุมมองหลังจากการไปเที่ยวมากเลยแกร มันไม่ได้แย่เหมือนที่คิด และกำลังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและเปิดรับวัฒนธรรมและการลงทุนจากนอกประเทศเหมือนน้ำไหลท่วมเข้ามาในประเทศอย่างนั้นเลย ที่แน่ๆ คนพม่าพูดภาษาอังกฤษเก่งมากจ้าาา
ตอนนี้มีรีวิวพม่าออกมาแล้ว 3 ตอน ตามนี้เลยคือ
1. ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์ (ที่อ่านอยู่ตอนนี้)
2. ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
3. พุกาม #พม่าคนเดียว : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
เมื่อเราออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองพร้อมเอาของมาเรียบร้อยแล้ว จงเตรียมใจให้ดี
พวกคนแท็กซี่ที่อยู่ด้านนอกจะเร่เข้ามาหา พร้อมถามว่าจะไปไหน ..
อย่า.. อย่าตื่นตระหนก ให้หาเคาเตอร์แท็กซี่ในสนามบินที่เขียนว่า Taxi Service อยู่ ให้เข้าไปถามราคาตรงนั้นได้เลย และเค้าจะออกใบเสร็จพร้อมเรียกคนขับแท็กซี่พาเราไปยังรถโดยทันที
| เรทมาตรฐานแท็กซี่เข้าตัวเมืองย่างกุ้งอยู่ที่ 7,000-8,000 จ๊าด
สำหรับแท็กซี่ที่นี่มีเยอะมากมายหลายแบบมาก รถมันจะแยกไม่ชัดเจนเหมือนแท็กซี่บ้านเรานะ เราต้องสังเกตป้ายแท็กซี่ปนตัวรถเอาเอง ทีนี้เวลาเราจะไปไหนก็บอกเค้าได้เลย ทีนี้เค้าจะบอกราคามา แต่เดี๋ยวก่อน..
| จากประสบการณ์ แท็กซี่บอกราคาแบบโก่งมาก ทีนี้หน้าที่ของแกรคือต้องต่อราคา ไม่งั้นโดนฟันแบะแน่
ตอนที่เราเรียกแท็กซี่อ่ะ ส่วนมากจะบอกราคาส่วนมากที่ 4,000 จ๊าด ในระยะทางไม่กี่กิโล ลองเทียบดิ เริ่มต้น 120 บาทเลยนะโว้ยยย .. เทียบกับเมืองไทยคือแพงมาก ดังนั้นต้องต่อราคา (ขอย้ำอีกว่าต้องต่อ) สมมุตถ้าต่อราคาแล้วเค้าไม่ยอม ก็ปล่อยเค้าไปเลย หาคันใหม่เอา .. ราคาที่เราเรียกได้ส่วนมากเริ่มที่ 3,000 จ๊าด ซึ่งจริงๆมีคนบอกว่ามา เรทราคาจริงคือเริ่มแค่ 1,000 จ๊าด เท่านั้นเอง ยังไงก็ตาม ลองอ้างอิงจากเรทราคาข้างล่างนี้ น่าจะเป็นประโยชน์เพื่อให้เรารู้ว่าเราโดนโกงราคาหรือเปล่า
| เรทราคาแท็กซี่ในย่างกุ้งที่ถือว่าไม่โดนโกง
| ระยะทาง 1.5-2.5 Km ราคาประมาณ 1,500-2,000 จ๊าด
| ระยะทาง 2.5-4.0 Km ราคา 2,500-3,000 จ๊าด
แล้วเช่ามอไซค์มีเปล่า? — ตอบแบบสั้นๆ ไม่มีจ้า ย่างกุ้งเป็นเมืองห้ามขี่มอไซค์ .. ดังนั้นเมื่อเราไปเที่ยวที่นี่ เราจะไม่เห็นมอไซค์เลยซักคัน
เอาล่ะ นี่มีแผนที่ในส่วนของทะเลสาปดันดอว์จีฝั่งขวาเพื่อให้เข้าใจง่ายต้ามข้างนี้เลย
จากทางเข้าเดินเข้าไปในสวนสาธารณะนี้ก็จะมีร้านอาหารเล็กๆเป็นซุ้มกระจุกอยู่ นี่ขอแนะนำว่าอย่า(แดก)เลย รสชาติคือไม่ไหวจริงจัง ราคาแรงด้วยจ้า แนะนำกินข้างนอกดีกว่า จากที่เดินเข้ามาตรงจุดนี้ เราก็จะเห็นเจดีย์ชเวดากองไกลลิบๆอยู่ข้าง มันก็เป็นอีกมุมนึงที่สวยดีน่าถ่ายรูป แต่จริงๆแล้วการมาที่นี่คือไม่ได้มาดูชเวดากอง ความพีคมันอยู่ที่ภัตตาคารการะเวกเฟ้ย
เมื่อเราเดินเข้าไปอีกนิด นั่นแหละเราจะเจอภัตตาคารการะเวก ที่เป็นไฮไลท์ในการมาที่นี่ เป็นร้านอาหารหรูลักษณะเป็นเรือของพระมหากษัตรย์พม่า หลายคนอาจจะคิดว่าที่นี่เป็นโบราณสถาน แต่จริงๆไม่ใช่เลยจ้า ที่นี่สร้างเสร็จเมื่อปี 2518 ไม่นานนี้โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวของพม่าเองเป็นเจ้าของและเปิดเป็นร้านอาหาร ที่เด่นคือสถานที่นี้ตั้งเด่นอยู่กลางเมืองย่างกุ้งและประชันหน้าไปทางเจดีย์ชเวดากอง ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของพม่าจริงจังเพราะภัตตาคารที่นี่ถูกพิมพ์ลงบนแบงค์ 10 จ๊าดของพม่าอ่ะ คิดดูแล้วกัน เป็นหน้าเป็นตาของพม่าขนาดไหน
เอาจริงๆ คือส่วนตัวไม่ได้รับประทานอาหารที่นี่ แต่จากการอ่านรีวิวใน Tripadvisor อาหารที่นี่ค่อนข้างโอเคอยู่
ตอนเราออกมาตรงทางเข้าที่เดิม ถ้าลองเดินดีๆ มันจะมีทางเดินข้างนอกริมทะเลสาป ลองดูตามที่เราลากเส้นไว้ผมแผนที่ด้านบน ตรงนั้นสามารถเดินไปศาลากลางน้ำถ่ายรูปสวยๆได้แหละ
ทางเข้ามหาวิชยเจดีย์ จะเจอสิงห์ตัวใหญ่สองตัวคอยเป็นการ์ดป้องกันสถานที่แห่งนี้อยู่ ส่วนสถูปเจดีย์ของที่นี่จะไม่เหมือนของเจดีย์ที่อื่นเท่าไหร่นัก เพราะว่าสถูปที่นี่เปิดโล่งสามารถเข้าไปเยี่ยมชมและสักการะได้ กลางโถงห้องเจดีย์มีที่ประดิษฐานของพระพุทธเจ้า 8 องค์ ซึ่งได้รับมาจากเนปาล และบนเพดานจะเป็นรูปสัตว์ต่างรวมอยู่
เรานั่งแหง่กอยู่ที่นี่นานมาก เนื่องจากอยู่ดีๆฝนก็ตกและไม่สามารถเดินต่อไปยังเจดีย์ชเวดากองได้ ไม่งั้นเปียกมอมแมมแน่ๆ นั่งอยู่นานเป็นชั่วโมงฝนก็ซา ลุยต่อแบบตากฝนปรอยๆเลยไม่งั้นไม่ทันแน่ๆ
ความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์ชะเวดากองนั้น อย่างแรกเลยที่นี่มีอายุมากถึง 2,500 ปีแล้ว จากตอนแรกที่เจดีย์มีความสูงแค่ 8.1 เมตร จากนั้นมีการบูรณะและมีการก่อสร้างเพิ่มเติมตามแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน จนตอนนี้มหาเจดีย์ชเวดากองมีความสูงถึง 110 เมตรแล้ว ตัวสถูปเจดีย์นั้นประดับไปด้วยแผ่นทองและเพชรจำนวนมากถึง 4,531 เม็ด และเพชรที่เม็ดใหญ่สุดคือเพชรที่มีขนาด 72 กะรัตเลยทีเดียว และที่ว่าทำไมที่นี่ถึงเป็นที่สักการะและเคารพบูชาของคนพม่าเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่ ..
วิหารพระศรีศากยโคตมพุทธเจ้าบริเวณทิศเหนือ (Temple of Gautama Buddha)
อดีตพระพุทธเจ้า อีก 3 ทิศ คือ
ทิศใต้ วิหารพระโกนาคมนพุทธเจ้า (Temple of Konagamana Buddha)
ทิศตะวันออก วิหารพระกกุสันธพุทธเจ้า (Temple of Kakuusandha Buddha)
ทิศตะวันตก วิหารพระกัสสปพุทธเจ้า (Temple of Kassapa Buddha)
(* ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บ roojingmyanmar.com)
ในบริเวณรอบเจดีย์ จะมีพระประจำวันเกิดตั้งอยู่ โดยแต่ละวันเกิดจะมีรูปปั้นเป็นสัญลักษณ์สัตว์ตั้งอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอนะ เพราะมีป้ายเขียนชื่อวันกำกับไว้ทั้งภาษาพม่าและภาษาอังกฤษเลย
วันอาทิตย์(ตะนิ้นกะหนู่เอเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นครุฑ
วันจันทร์ (ตะนิ้นลาเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นเสือ
วันอังคาร (เอ็งก่าเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นสิงห์
วันพุธกลางวัน (บูดาหู้) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นช้างมีงา
วันพุธกลางคืน (ราหูเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นช้างไม่มีงา
วันพฤหัสบดี (จ่าฏ่าบเดเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นหนูใหญ่หางสั้น (คล้ายอ้น)
วันศุกร์ (เฏ้าจ่าเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นหนูหางยาว
วันเสาร์ (เสน่ห์เนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นพญานาค
หากเรารู้แล้วว่าวันเกิดเราคือรูปปั้นอันไหน เริ่มแรกให้ไหว้พระก่อน อาจจะเอาดอกไม้หอมอย่างดอกมหาหงส์มาบูชาก็ได้ จากนั้นอธิษญานและตักน้ำรดพระพุทธรูปหินอ่อนและเทพเทวดาที่ยืนอยู่หลังพระหินอ่อน เสร็จแล้วก็รดน้ำสัตว์ประจำวันเกิด โดยให้รดเป็นจำนวนเท่ากับอายุของเรา +1 เป็นการถือเคล็ดเพื่อเสริมสิริมงคล (เช่น อายุ 25 ก็สรงน้ำ 26 ขัน เป็นต้น) สำหรับผู้สูงอายุ จะใช้การสรงน้ำ 1 ขัน แทนอายุ 10 ปี บางรายอาจจะสรงน้ำแค่ 5 ขัน แทนความหมายพระรัตนตรัย (* ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บ wonderfulpackage.com)
นอกจากการสักการะเบื้องต้นที่เขียนไปแล้ว ยังมีการนั่งสมาธิบนลานสมปรารถนา หรือ ลานบุเรงนอง และการกวาดลานพื้นบริเวณรอบเจดีย์ชะเวดากองอีกด้วยครับผม
เจดีย์โบตาทาวน์ตามความหมายพม่าคือ นายทหาร 1,000 นายที่นำพระพุทธเกศา 8 เส้นจากอินเดีย แบ่งมาบรรจุไว้ที่นี่ 1 เส้น ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์เวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เรื่อยมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง เจดีย์โบตาทาวน์ได้รับความเสียหายจากการที่ย่างกุ้งถูกทิ้งระเบิดถล่ม ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายพินาศ และได้รับการบูรณะใหม่ ซึ่งระหว่างการบูรณะนั้นได้ค้นพบผอบทรงสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ จนปัจจุบันพระเกศธาตุถูกบรรจุในมณฑปครอบแก้วใสประดิษฐาน ณ ใจกลางเจดีย์ โดยเราสามารถเดินเข้าไปดูและสักการะบูชาได้ได้อย่างใกล้ชิด ส่วนการประดับตกแต่งภายในเจดีย์ที่นี่จะแปลกแหวกแนวไม่เหมือนที่อื่น เมื่อเราเดินเข้าไปได้และเห็นมณฑปที่บรรจุพระเกศธาตุแล้ว เราสามารถเดินตามทางที่ซิกแซกไปมาภายในเจดีย์ โดยมีกำแพงสีทองฉลุลายและมีกระจกกั้นไปตามทางเดิน
และสำหรับใครที่ต้องการสักการะและขอพรจากเทพทันใจ ที่มีคนหลายคนบอกว่าขอพรอะไรก็แล้วแต่จะสมปรารถนาและเห็นผลเร็วมาก ให้เดินไปด้านซ้ายของบริเวณเจดีย์โบตาทาวน์เล้ย
เมื่อเราเดินเข้าไป จะมีคนเหมือนยืนต้อนรับเราอยู่ ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยแนะนำวิธีการไหว้เทพทันใจ หากใครไม่ได้เอาสิ่งของไปสักการะบูชา ตรงนั้นมีขายกล้วย มะพร้าว ที่แพ็คสำเร็จเป็นพานพร้อมไหว้ไว้ให้แล้ว เราสามารถซื้อตรงนั้นเพื่อถวายได้ทันทีเลย
1.) สักการะด้วยดอกไม้และผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย มะพร้าวอ่อน เป็นต้น จากนั้นอธิษฐานขอพรโดยกราบแบบแบมือ (เค้าบอกว่าต้องขอสิ่งเดียวเท่านั้น)
2.) นำธนบัตรจะบาทไทยหรือสกุลไหนก็ได้ ม้วนเป็นรูปกรวยใส่ในมือท่านเทพทันใจ 2 ใบ แล้วไหว้ขอพรโดยให้หน้าผากติดชิดกับนิ้วมือของท่าน เสร็จแล้วดึงธนบัตรใบหนึ่งพับเก็บไว้เป็นสิริมงคล นำธนบัตรอีกใบใส่ตู้บริจาค
3.) คนที่เราเจอข้างหน้า เค้าจะพาเราเข้าห้องด้านข้าง ให้เรานำผ้าไปพันท่านอีกองค์ จากนั้นก็เสร็จแล้ว
สำหรับตัวเรา อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเรามาเที่ยวพม่า 9 วัน ดังนั้นไม่ได้จบที่ย่างกุ้งแน่นอน ต่อจากย่างกุ้ง คือเราก็ไปทะเลสาอินเลในคืนที่สองทันที โดยใช้รถบัสเดินทางตอนกลางคืนแทนการนอนโรงแรมไป อินเลจะเป็นยังไง รอติดตามนะคร้าบ 🙂
สำหรับเรื่องที่พักแนะนำให้พักย่านดาวน์ทาว เนื่องจากสะดวกต่อการไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แถมของกินเยอะและใกล้ไชน่าทาวน์ วงเวียนเจดีย์สุเรครับผม ยังไงต้องดูตัวเลือกข้างล่างเป็นทางเลือกหนึ่งเนื่องจากคัดโรงแรมที่ดีมาแล้วครับ สามารถจองและเช็คราคาโดยการคลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อสนับสนุน Hashcorner เพื่อทำรีวิวดีๆต่อไปนะคร้าบ 😀
Best Western Chinatown Hotel (2,000-3,500 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Clover City Center Hotel (1,200-2,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Wayfarer’s Rest (700-1,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Backpacker Bed & Breakfast (350-1,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Space Boutique Hostel (280-1,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
จบลงไปแล้วกับบทความ "รีวิว ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์" ซึ่งในบล็อกนี้ยังมีรีวิวต่อเนื่องชื่อว่า "รีวิว ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์" เป็นภาคต่อในส่วนของทะเลสาบอินเลย์ให้ติดตามกัน
https://www.hashcorner.com/travel/เที่ยวย่างกุ้ง-พม่า/
พม่า ถือประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับเรามาอย่างยาวนาน เอาจริงคือ รู้จักพม่ามาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ แต่เพิ่งมาได้สัมผัสในชีวิตจริงก็ตอนที่เราได้ไปเที่ยวครั้งนี้เอง ภาพในจินตนาการก่อนไปเที่ยวที่พม่า แตกต่างจากมุมมองหลังจากการไปเที่ยวมากเลยแกร มันไม่ได้แย่เหมือนที่คิด และกำลังเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและเปิดรับวัฒนธรรมและการลงทุนจากนอกประเทศเหมือนน้ำไหลท่วมเข้ามาในประเทศอย่างนั้นเลย ที่แน่ๆ คนพม่าพูดภาษาอังกฤษเก่งมากจ้าาา
เที่ยวพม่า 9 วัน 8 คืน ไปไหนบ้าง
ดูภาพแผนที่ด้านล่างได้เลย จะได้เห็นภาพรวมว่าผมไปไหนมาบ้าง เริ่มต้นบินจากกรุงเทพมาลงย่างกุ้ง และเที่ยวย่างกุ้งซัก 2 วัน 1 คืน ไหว้พระทำบุญ จากนั้นไปต่อกันที่ทะเลสาบอินเล (อ่านรีวิวทะเลสาบอินเล) ทะเลสาบที่ใหญ่อันดับสองของพม่าที่มีชาวอินคาที่พายเรือด้วยขาข้างเดียว ไม่เหมือนใครแล้วในโลกนี้ เที่ยวที่นี่ 2 วัน 1 คืนเช่นกัน มาต่อที่พุกาม (อ่านรีวิวพุกาม) เมืองมหาสมุทรเจดีย์ ที่มีเจดีย์และวัดกว่า 2,229 องค์ที่ยังเหลือรอดอยู่ ซึ่งก็คือรีวิวนี้แหละครับ ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน จบด้วยมัณฑะเลย์แบบชิลๆ 3 วัน 2 คืนก่อนกลับบ้านตอนนี้มีรีวิวพม่าออกมาแล้ว 3 ตอน ตามนี้เลยคือ
1. ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์ (ที่อ่านอยู่ตอนนี้)
2. ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
3. พุกาม #พม่าคนเดียว : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
คีย์เวิร์ดรีวิวเที่ยวย่างกุ้ง พม่า : เจดีย์ เข้าวัด ทำบุญ ขอพร
จริงๆแล้วเราไปพม่าทั้งหมด 9 วันแหละ ไล่ตั้งแต่ย่างกุ้ง ต่อทะเลสาปอินเล จากนั้นไปพุกาม และจบด้วยมัณฑะเลย์แล้วบินตรงกลับกรุงเทพ ในรีวิวนี้เราจะพูดถึงเฉพาะย่างกุ้ง เพราะถ้าทั้งหมดสี่เมืองนี้ คือมันยาวมากแกร ดังนั้นเราจะแยกเป็นพาร์ทๆเนอะ โดยย่างกุ้งเราใช้เวลาเที่ยวแค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง .. บางคนอาจจะไม่รู้ว่าการไปเที่ยวพม่านั้นไม่ต้องทำวีซ่าแล้วนะครับผมวิธีการเข้าเมืองจากสนามบินย่างกุ้ง
วิธีการเข้าเมืองที่เราคิดว่าง่ายและโอเคที่สุดคือการนั่งแท็กซี่นะครับ เพราะมันไม่ได้แพงอย่างที่คิด แต่ถ้ามาแบบไม่ได้หาข้อมูลก่อนอาจจะโดนฟันหัวแบะได้ บอกเลยว่าการมาเที่ยวพม่าควรศึกษาเรื่องราคากลางเวลาขึ้นแท็กซี่หรือค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวก่อน มันจะมีพวกที่คอยจ้องหลอกนักท่องเที่ยวอย่างเราๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่และเร่เข้ามารุมพร้อมโก่งราคา อันนี้เรื่องจริงเมื่อเราออกมาจากด่านตรวจคนเข้าเมืองพร้อมเอาของมาเรียบร้อยแล้ว จงเตรียมใจให้ดี
พวกคนแท็กซี่ที่อยู่ด้านนอกจะเร่เข้ามาหา พร้อมถามว่าจะไปไหน ..
อย่า.. อย่าตื่นตระหนก ให้หาเคาเตอร์แท็กซี่ในสนามบินที่เขียนว่า Taxi Service อยู่ ให้เข้าไปถามราคาตรงนั้นได้เลย และเค้าจะออกใบเสร็จพร้อมเรียกคนขับแท็กซี่พาเราไปยังรถโดยทันที
| เรทมาตรฐานแท็กซี่เข้าตัวเมืองย่างกุ้งอยู่ที่ 7,000-8,000 จ๊าด
การเดินทางในตัวเมืองย่างกุ้ง
การไปไหนมาไหนของย่างกุ้ง หากมากันไม่กี่คน แน่นอนล่ะว่าต้องใช้บริการรถสาธารณะซึ่งมีให้เลือกอยู่แค่สองอย่างคือ รถเมล์ และแท็กซี่ ถ้าแนะนำล่ะก็.. แนะนำให้ใช้แท็กซี่เถอะ เพราะรถเมล์ที่นี่สภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราว่ากรุงเทพยังโอเคกว่าเยอะ อีกอย่างเราต้องมานั่งศึกษาเส้นทางรถเมล์อีก เราเลยไม่ขอแนะนำละกันสำหรับแท็กซี่ที่นี่มีเยอะมากมายหลายแบบมาก รถมันจะแยกไม่ชัดเจนเหมือนแท็กซี่บ้านเรานะ เราต้องสังเกตป้ายแท็กซี่ปนตัวรถเอาเอง ทีนี้เวลาเราจะไปไหนก็บอกเค้าได้เลย ทีนี้เค้าจะบอกราคามา แต่เดี๋ยวก่อน..
| จากประสบการณ์ แท็กซี่บอกราคาแบบโก่งมาก ทีนี้หน้าที่ของแกรคือต้องต่อราคา ไม่งั้นโดนฟันแบะแน่
ตอนที่เราเรียกแท็กซี่อ่ะ ส่วนมากจะบอกราคาส่วนมากที่ 4,000 จ๊าด ในระยะทางไม่กี่กิโล ลองเทียบดิ เริ่มต้น 120 บาทเลยนะโว้ยยย .. เทียบกับเมืองไทยคือแพงมาก ดังนั้นต้องต่อราคา (ขอย้ำอีกว่าต้องต่อ) สมมุตถ้าต่อราคาแล้วเค้าไม่ยอม ก็ปล่อยเค้าไปเลย หาคันใหม่เอา .. ราคาที่เราเรียกได้ส่วนมากเริ่มที่ 3,000 จ๊าด ซึ่งจริงๆมีคนบอกว่ามา เรทราคาจริงคือเริ่มแค่ 1,000 จ๊าด เท่านั้นเอง ยังไงก็ตาม ลองอ้างอิงจากเรทราคาข้างล่างนี้ น่าจะเป็นประโยชน์เพื่อให้เรารู้ว่าเราโดนโกงราคาหรือเปล่า
| เรทราคาแท็กซี่ในย่างกุ้งที่ถือว่าไม่โดนโกง
| ระยะทาง 1.5-2.5 Km ราคาประมาณ 1,500-2,000 จ๊าด
| ระยะทาง 2.5-4.0 Km ราคา 2,500-3,000 จ๊าด
แล้วเช่ามอไซค์มีเปล่า? — ตอบแบบสั้นๆ ไม่มีจ้า ย่างกุ้งเป็นเมืองห้ามขี่มอไซค์ .. ดังนั้นเมื่อเราไปเที่ยวที่นี่ เราจะไม่เห็นมอไซค์เลยซักคัน
อีกเรื่องที่ควรรู้เมื่อเข้าไปกราบไหว้ ทำบุญ หรือแม้แต่เที่ยวในบริเวณเจดีย์ในพม่า ทุกคนต้องถอดรองเท้าและถุงเท้าไว้ด้านนอก ส่วนมากเค้ามีที่รักฝาก ไม่ต้องกังวลว่าจะหายน้าเอาล่ะ รู้ข้อมูลเบื้องต้นในการเที่ยวย่างกุ้งแล้ว เรามาเที่ยวกันเล้ยย!
ทะเลสาปกันดอว์จี (Kandawgyi Lake)
ทะเลสาปกันดอว์จีถือเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจย่านดาวน์ทาวน์เมืองย่างกุ้งเลยก็ว่าได้ ถึงที่นี่จะเป็นสวนสาธารณะ แต่เก็บตังค์ค่าเข้าด้วยไง ราคาอยู่ที่ 300 จ๊าด แถมถ้าใครพกกล้องเข้าไป แม่งมีเสียค่าเอากล้องเข้าด้วย โอ้โหว เพิ่งเคยเจอที่นี่ที่แรกเนี่ย แต่เอาน่า เทียบเป็นเงินบาทแล้วมันไม่เท่าไหร่ จริงๆค่าเข้ามันก็แค่สิบบาทเอ๊งงง แต่ตัวเลขเงินพม่ามันดูเยอะกว่าเงินไทยไง ตอนแรกเลยตกใจเบาๆแงะเอาล่ะ นี่มีแผนที่ในส่วนของทะเลสาปดันดอว์จีฝั่งขวาเพื่อให้เข้าใจง่ายต้ามข้างนี้เลย
จากทางเข้าเดินเข้าไปในสวนสาธารณะนี้ก็จะมีร้านอาหารเล็กๆเป็นซุ้มกระจุกอยู่ นี่ขอแนะนำว่าอย่า(แดก)เลย รสชาติคือไม่ไหวจริงจัง ราคาแรงด้วยจ้า แนะนำกินข้างนอกดีกว่า จากที่เดินเข้ามาตรงจุดนี้ เราก็จะเห็นเจดีย์ชเวดากองไกลลิบๆอยู่ข้าง มันก็เป็นอีกมุมนึงที่สวยดีน่าถ่ายรูป แต่จริงๆแล้วการมาที่นี่คือไม่ได้มาดูชเวดากอง ความพีคมันอยู่ที่ภัตตาคารการะเวกเฟ้ย
เมื่อเราเดินเข้าไปอีกนิด นั่นแหละเราจะเจอภัตตาคารการะเวก ที่เป็นไฮไลท์ในการมาที่นี่ เป็นร้านอาหารหรูลักษณะเป็นเรือของพระมหากษัตรย์พม่า หลายคนอาจจะคิดว่าที่นี่เป็นโบราณสถาน แต่จริงๆไม่ใช่เลยจ้า ที่นี่สร้างเสร็จเมื่อปี 2518 ไม่นานนี้โดยมีกระทรวงการท่องเที่ยวของพม่าเองเป็นเจ้าของและเปิดเป็นร้านอาหาร ที่เด่นคือสถานที่นี้ตั้งเด่นอยู่กลางเมืองย่างกุ้งและประชันหน้าไปทางเจดีย์ชเวดากอง ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของพม่าจริงจังเพราะภัตตาคารที่นี่ถูกพิมพ์ลงบนแบงค์ 10 จ๊าดของพม่าอ่ะ คิดดูแล้วกัน เป็นหน้าเป็นตาของพม่าขนาดไหน
เอาจริงๆ คือส่วนตัวไม่ได้รับประทานอาหารที่นี่ แต่จากการอ่านรีวิวใน Tripadvisor อาหารที่นี่ค่อนข้างโอเคอยู่
อาหารเป็นบุฟเฟต์แบบหลากหลายสัญชาติ (รวมไทยด้วย) มีการแสดงโชว์พื้นเมืองของพม่า สนนราคาก็อยู่ที่ $30 และเปิดแค่ช่วง 6 โมงเย็น ถึง 3 ทุ่มเท่านั้นใครสนใจทานอาหาร สามารถไปจองที่ได้เว็บภัตตาหารเค้าเลย : www.karaweikpalace.com
ตอนเราออกมาตรงทางเข้าที่เดิม ถ้าลองเดินดีๆ มันจะมีทางเดินข้างนอกริมทะเลสาป ลองดูตามที่เราลากเส้นไว้ผมแผนที่ด้านบน ตรงนั้นสามารถเดินไปศาลากลางน้ำถ่ายรูปสวยๆได้แหละ
มหาวิชยเจดีย์ (Maha Wizaya Pagoda)
มาจากทะเลสาปกันดอว์จีไม่ไกล เราจะมาแวะมหาวิชยเจดีย์กันก่อนที่จะไปมหาเจดีย์ชเวดากอง เจดีย์แห่งนี้เสมือนเป็นน้องของมหาเจดีย์ชเวดากองเลยก็ว่าได้เพราะมหาวิชยเจดีย์ตั้งอยู่ทางทิศใต้ติดกับเจดีย์ชเวดากอง ถือเป็นเจดีย์คู่พี่คู่น้องเลยก็ว่าได้ และที่นี่ยังสร้างไม่นานเท่าไหร่ มีอายุแค่ 37 ปีเอ๊งทางเข้ามหาวิชยเจดีย์ จะเจอสิงห์ตัวใหญ่สองตัวคอยเป็นการ์ดป้องกันสถานที่แห่งนี้อยู่ ส่วนสถูปเจดีย์ของที่นี่จะไม่เหมือนของเจดีย์ที่อื่นเท่าไหร่นัก เพราะว่าสถูปที่นี่เปิดโล่งสามารถเข้าไปเยี่ยมชมและสักการะได้ กลางโถงห้องเจดีย์มีที่ประดิษฐานของพระพุทธเจ้า 8 องค์ ซึ่งได้รับมาจากเนปาล และบนเพดานจะเป็นรูปสัตว์ต่างรวมอยู่
เรานั่งแหง่กอยู่ที่นี่นานมาก เนื่องจากอยู่ดีๆฝนก็ตกและไม่สามารถเดินต่อไปยังเจดีย์ชเวดากองได้ ไม่งั้นเปียกมอมแมมแน่ๆ นั่งอยู่นานเป็นชั่วโมงฝนก็ซา ลุยต่อแบบตากฝนปรอยๆเลยไม่งั้นไม่ทันแน่ๆ
มหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda)
หากใครมาย่างกุ้งแล้วไม่มามหาเจดีย์ชเวดากองนี่.. คือพลาดด้วยประการทั้งปวงแล้วแกเอ้ยยย ที่นี่ถือเป็นแลนด์มาร์คอันดับหนึ่ง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมถึงศูนย์รวมจิตใจของคนพม่าทุกคน ถึงแม้ว่าแกจะไม่ใช่สายบุญหรือสายวัดซักเท่าไหร่ แต่การแวะเวียนเข้ามาชมสถาปัตยกรรมของที่นี่ก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี สำหรับค่าเข้าชมมหาเจดีย์ชเวดากองจะอยู่ที่ $8 หลังจากจ่ายเงินเสร็จแล้วจะมีไกด์เดินเข้ามาหาเรา ถามว่าจะจ้างเค้าพาเดินไหม อันนี้ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคนเลยความศักดิ์สิทธิ์และความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์ชะเวดากองนั้น อย่างแรกเลยที่นี่มีอายุมากถึง 2,500 ปีแล้ว จากตอนแรกที่เจดีย์มีความสูงแค่ 8.1 เมตร จากนั้นมีการบูรณะและมีการก่อสร้างเพิ่มเติมตามแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน จนตอนนี้มหาเจดีย์ชเวดากองมีความสูงถึง 110 เมตรแล้ว ตัวสถูปเจดีย์นั้นประดับไปด้วยแผ่นทองและเพชรจำนวนมากถึง 4,531 เม็ด และเพชรที่เม็ดใหญ่สุดคือเพชรที่มีขนาด 72 กะรัตเลยทีเดียว และที่ว่าทำไมที่นี่ถึงเป็นที่สักการะและเคารพบูชาของคนพม่าเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่ ..
เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น และพระบรมสารีริกธาตุของอดีตพระพุทธเจ้าสามพระองค์
ขั้นตอนการสักการะมหาเจดีย์ชเวดากอง
ในส่วนเนื้อหาของการสักการะมหาเจดีย์ชเวดากอง ขออนุญาตอ้างอิงจากเว็บ Roojingmyanmar.com และ Wonderfulpackage.com เพื่อความถูกต้องและสามารถนำไปปฎิบัติได้นะครับ ผมเขียนเองอาจจะทำให้ข้อมูลผิดพลาดเนื่องจากความรู้ไม่ถึงในส่วนนี้อ่ะ แหะๆ ขออนุญาตด้วยนะครับผม หากใครต้องการอ่านเพิ่มเติม ผมจะมีแปะลิ้งข้อมูลอ้างอยู่ครับ คลิกอ่านได้แวะสักการะพระพุทธเจ้าทั้ง 4 ทิศ เสียก่อน ประกอบด้วย *
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันวิหารพระศรีศากยโคตมพุทธเจ้าบริเวณทิศเหนือ (Temple of Gautama Buddha)
อดีตพระพุทธเจ้า อีก 3 ทิศ คือ
ทิศใต้ วิหารพระโกนาคมนพุทธเจ้า (Temple of Konagamana Buddha)
ทิศตะวันออก วิหารพระกกุสันธพุทธเจ้า (Temple of Kakuusandha Buddha)
ทิศตะวันตก วิหารพระกัสสปพุทธเจ้า (Temple of Kassapa Buddha)
(* ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บ roojingmyanmar.com)
สักการะมหาเจดีย์ชเวดากอง
เครื่องสักการะของชาวพม่านั้นประกอบด้วย ดอกไม้ ใบหว้า กระดาษเงินกระดาษทองที่เรียกว่า ‘ตุง’ เพื่อสะเดาะเคราห์และสร้างบุญกุศล ให้ชีวิตมีแต่ความร่มเย็นและทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ โดยเริ่มที่การจุดธูปเทียนพร้อมถวายเครื่องสักการะทั้งหมด แล้วก้มกราบ 3 ครั้ง จากนั้นให้นั่งสมาธิและสวดมนต์โดยการรับลูกประคำ 1 ลูก เท่ากับหนึ่งบทสวด แล้วให้ตั้งจิตอธิษฐานเดินวนรอบเจดีย์เวียนขวา 3 รอบ (* ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บ roojingmyanmar.com)
รดน้ำพระประจำวัน *
ในบริเวณรอบเจดีย์ จะมีพระประจำวันเกิดตั้งอยู่ โดยแต่ละวันเกิดจะมีรูปปั้นเป็นสัญลักษณ์สัตว์ตั้งอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าจะหาไม่เจอนะ เพราะมีป้ายเขียนชื่อวันกำกับไว้ทั้งภาษาพม่าและภาษาอังกฤษเลยวันอาทิตย์(ตะนิ้นกะหนู่เอเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นครุฑ
วันจันทร์ (ตะนิ้นลาเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นเสือ
วันอังคาร (เอ็งก่าเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นสิงห์
วันพุธกลางวัน (บูดาหู้) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นช้างมีงา
วันพุธกลางคืน (ราหูเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นช้างไม่มีงา
วันพฤหัสบดี (จ่าฏ่าบเดเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นหนูใหญ่หางสั้น (คล้ายอ้น)
วันศุกร์ (เฏ้าจ่าเนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นหนูหางยาว
วันเสาร์ (เสน่ห์เนะ) – มีสัญลักษณ์เป็นรูปปั้นพญานาค
หากเรารู้แล้วว่าวันเกิดเราคือรูปปั้นอันไหน เริ่มแรกให้ไหว้พระก่อน อาจจะเอาดอกไม้หอมอย่างดอกมหาหงส์มาบูชาก็ได้ จากนั้นอธิษญานและตักน้ำรดพระพุทธรูปหินอ่อนและเทพเทวดาที่ยืนอยู่หลังพระหินอ่อน เสร็จแล้วก็รดน้ำสัตว์ประจำวันเกิด โดยให้รดเป็นจำนวนเท่ากับอายุของเรา +1 เป็นการถือเคล็ดเพื่อเสริมสิริมงคล (เช่น อายุ 25 ก็สรงน้ำ 26 ขัน เป็นต้น) สำหรับผู้สูงอายุ จะใช้การสรงน้ำ 1 ขัน แทนอายุ 10 ปี บางรายอาจจะสรงน้ำแค่ 5 ขัน แทนความหมายพระรัตนตรัย (* ข้อมูลอ้างอิงจากเว็บ wonderfulpackage.com)
นอกจากการสักการะเบื้องต้นที่เขียนไปแล้ว ยังมีการนั่งสมาธิบนลานสมปรารถนา หรือ ลานบุเรงนอง และการกวาดลานพื้นบริเวณรอบเจดีย์ชะเวดากองอีกด้วยครับผม
เจดีย์สุเล (Sule Pagoda)
เจดีย์สุเล (Sule Pagoda) หรือ สุเลพญา (Sule Paya) เจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่กลางวงเวียนใจกลางเมือง ถ้าให้เทียบกับกรุงเทพบ้านเรา เจดีย์สุเลนี่เหมือนอนุเสาวรีย์บ้านเราเล้ย เพราะล้อมรอบด้วยสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญอย่างศาลากลางย่างกุ้ง อาคารศาลฎีกา และด้านข้างก็มีที่จอดรถเมล์ป้ายใหญ่ที่รถหลายสายมาจอดที่นี่ แน่นอนที่นี่คือแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งและเป็นศูนย์กลางของย่างกุ้ง เพราะถ้าย้อนไปเมื่อสมัยอังกฤษยังยึดพม่าเป็นอาณานิคมอยู่ เจดีย์สุเลเป็นจุดศูนย์กลางในการวางแผนเมืองย่างกุ้งโดยใช้แบบ Victorian grid-plan หรือแบบบล็อกเป็นเส้นกริดนั้นแหละด้านในเจดีย์จะมีพระประจำวันเกิดให้เราได้สักการะและกราบไหว้ (ซึ่งเราไม่ได้เข้าไป) และมีค่าเข้าชมด้วย อยู่ที่ $2 ครัช
สวนสาธารณะมหาบัณฑุละ (Mahabandula Park)
เดินถัดมาจากเจดีย์สุเลนิดหน่อย เราจะเจอสวนสาธารณะมหาบัณฑุละขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ คล้ายสวนลุมบ้านเรา..แต่สวนลุมใหญ่กว่าเยอะ ที่นี่เป็นสวนสาธารณะแบบเปิดที่ให้คนย่างกุ้งมานั่งมานอนแก่วแง่วเวลาว่างกันงี้ อ่านจากในเน็ตมาเหมือนมีค่าเข้า 500 จ๊าด แต่ตอนเราเดินเข้าไป ไม่เสียตังค์แหะ เอาจริงๆแล้วที่นี่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากนักหรอก ฮ่าๆ ก็มันอยู่ถัดมาจากเจดีย์สุเลไงแกร๊ แต่จากที่ยืนในสวนสาธรณะนี้ เราจะมองเห็นศาลางกลางย่างกุ้งและตึกศาลฎีกาสไตล์โคโรเนียลได้อย่างชัดเจน ถือเป็นทางผ่านละกันน่าเจดีย์โบตาทาวน์ (Botahtaung Pagoda) / เทพทันใจ นัตโบโบยี
เจดีย์โบตาทาวน์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำย่างกุ้ง เป็นสถานที่ที่อาจจะอยู่ห่างจากสถานที่อื่นซักหน่อยแต่ก็ไม่ได้ไกลขนาดน้านน เจดีย์โบตาทาวน์ชื่อนี้คนไทยอาจจะไม่รู้จักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราบอกว่าที่นี่เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพนัตโบโบยี หรือเทพทันใจ รวมถึงเทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย คิดว่าทุกคนน่าจะคุ้นชื่อหรือร้องอ๋อทันที แต่ที่เราไปมาคือเข้าไปไหวในสถูปเจดีย์และเทพทันใจอย่างเดียวแง่ะ ฮืออค่าเข้าเจดีย์โบตาทาวน์สำหรับชาวต่างชาติอยู่ที่ $3
เจดีย์โบตาทาวน์ตามความหมายพม่าคือ นายทหาร 1,000 นายที่นำพระพุทธเกศา 8 เส้นจากอินเดีย แบ่งมาบรรจุไว้ที่นี่ 1 เส้น ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์เวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เรื่อยมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่สอง เจดีย์โบตาทาวน์ได้รับความเสียหายจากการที่ย่างกุ้งถูกทิ้งระเบิดถล่ม ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายพินาศ และได้รับการบูรณะใหม่ ซึ่งระหว่างการบูรณะนั้นได้ค้นพบผอบทรงสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ จนปัจจุบันพระเกศธาตุถูกบรรจุในมณฑปครอบแก้วใสประดิษฐาน ณ ใจกลางเจดีย์ โดยเราสามารถเดินเข้าไปดูและสักการะบูชาได้ได้อย่างใกล้ชิด ส่วนการประดับตกแต่งภายในเจดีย์ที่นี่จะแปลกแหวกแนวไม่เหมือนที่อื่น เมื่อเราเดินเข้าไปได้และเห็นมณฑปที่บรรจุพระเกศธาตุแล้ว เราสามารถเดินตามทางที่ซิกแซกไปมาภายในเจดีย์ โดยมีกำแพงสีทองฉลุลายและมีกระจกกั้นไปตามทางเดิน
และสำหรับใครที่ต้องการสักการะและขอพรจากเทพทันใจ ที่มีคนหลายคนบอกว่าขอพรอะไรก็แล้วแต่จะสมปรารถนาและเห็นผลเร็วมาก ให้เดินไปด้านซ้ายของบริเวณเจดีย์โบตาทาวน์เล้ย
วิธีสักการะองค์เทพทันใจ นัตโบโบยี
เมื่อเราเดินเข้าไป จะมีคนเหมือนยืนต้อนรับเราอยู่ ซึ่งเค้าบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยแนะนำวิธีการไหว้เทพทันใจ หากใครไม่ได้เอาสิ่งของไปสักการะบูชา ตรงนั้นมีขายกล้วย มะพร้าว ที่แพ็คสำเร็จเป็นพานพร้อมไหว้ไว้ให้แล้ว เราสามารถซื้อตรงนั้นเพื่อถวายได้ทันทีเลย
1.) สักการะด้วยดอกไม้และผลไม้ต่างๆ เช่น กล้วย มะพร้าวอ่อน เป็นต้น จากนั้นอธิษฐานขอพรโดยกราบแบบแบมือ (เค้าบอกว่าต้องขอสิ่งเดียวเท่านั้น)
2.) นำธนบัตรจะบาทไทยหรือสกุลไหนก็ได้ ม้วนเป็นรูปกรวยใส่ในมือท่านเทพทันใจ 2 ใบ แล้วไหว้ขอพรโดยให้หน้าผากติดชิดกับนิ้วมือของท่าน เสร็จแล้วดึงธนบัตรใบหนึ่งพับเก็บไว้เป็นสิริมงคล นำธนบัตรอีกใบใส่ตู้บริจาค
3.) คนที่เราเจอข้างหน้า เค้าจะพาเราเข้าห้องด้านข้าง ให้เรานำผ้าไปพันท่านอีกองค์ จากนั้นก็เสร็จแล้ว
สรุปพม่า 2 วัน 1 คืน
และนี่คือทั้งหมดของสองวันหนึ่งคืนที่เราได้ไปเที่ยวพม่ามา การมาเที่ยวพม่านี่แหละ คือการมาทำบุญ เยี่ยมเจดีย์สถาน รวมถึงมาสักการะ ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ซึ่งถ้าจะมาเที่ยวพม่าในรูปแบบอื่น อาจจะไม่ค่อยมีตัวเลือกเท่าไหร่สำหรับตัวเรา อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าเรามาเที่ยวพม่า 9 วัน ดังนั้นไม่ได้จบที่ย่างกุ้งแน่นอน ต่อจากย่างกุ้ง คือเราก็ไปทะเลสาอินเลในคืนที่สองทันที โดยใช้รถบัสเดินทางตอนกลางคืนแทนการนอนโรงแรมไป อินเลจะเป็นยังไง รอติดตามนะคร้าบ 🙂
ที่พักแนะนำในย่างกุ้งย่านดาวน์ทาวน์
สำหรับเรื่องที่พักแนะนำให้พักย่านดาวน์ทาว เนื่องจากสะดวกต่อการไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แถมของกินเยอะและใกล้ไชน่าทาวน์ วงเวียนเจดีย์สุเรครับผม ยังไงต้องดูตัวเลือกข้างล่างเป็นทางเลือกหนึ่งเนื่องจากคัดโรงแรมที่ดีมาแล้วครับ สามารถจองและเช็คราคาโดยการคลิกลิงค์ด้านล่างเพื่อสนับสนุน Hashcorner เพื่อทำรีวิวดีๆต่อไปนะคร้าบ 😀
ที่พักเรียงตามราคา
Sule Shangri-La Yangon Hotel (6,000-9,500 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.comBest Western Chinatown Hotel (2,000-3,500 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Clover City Center Hotel (1,200-2,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Wayfarer’s Rest (700-1,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Backpacker Bed & Breakfast (350-1,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
Space Boutique Hostel (280-1,000 บาท/คืน) : ดูราคาและจองห้องที่ Agoda | Booking.com
ดูที่พักทั้งหมดย่านดาวน์ทาวในย่างกุ้ง บนเว็บไซต์ Agoda | Booking.com
จบลงไปแล้วกับบทความ "รีวิว ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์" ซึ่งในบล็อกนี้ยังมีรีวิวต่อเนื่องชื่อว่า "รีวิว ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์" เป็นภาคต่อในส่วนของทะเลสาบอินเลย์ให้ติดตามกัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น