ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์

บทความ "ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์" จากบล็อก "hashcorner.com" เป็นภาคต่อการเดินทางไปยังพม่า โดยในส่วนนี้จะเน้นรายละเอียดในส่วนของทะเลสาบอินเลให้เราได้ติดตามการเดินทางกัน

https://www.hashcorner.com/travel/เที่ยวทะเลสาบอินเล-พม่า/




ทะเลสาบอินเล ตั้งอยู่กึ่งกลางประเทศพม่าเลยก็ว่าได้ ทะเลสาบอินเลอยู่ในเมือง Nyaung Shwe เมืองเล็กๆ ที่ชาวบ้านใช้ชีวิตท่ามกลางทะลสาบ .. หื้มมม? คือชาวบ้านเค้าสร้างบ้านและอยู่อาศัยกันในทะเลสาบเลยแกรเอ้ยยย ทีนี้เนี่ย แน่นอนการดำรงชีวิตและการเพาะปลูกหรือเกษตรกรรมของเค้าจะต้องเกี่ยวกับทางน้ำ เช่น การปลูกมะเขือเทศบนสวนลอยน้ำ การสร้างบ้านแบบเสาค้ำกลางน้ำ รวมถึงยานพาหนะจำเป็นอย่างเรือ ที่แน่นอนมีจอดอยู่ทุกบ้าน แล้วที่สุดของทะเลสาบอินเลคือความสามารถพิเศษของชาวอินคาเนี่ยแหละ การพายเรือด้วยเท้าข้างเดียวในการสัญจรรวมถึงจับสัตว์ในน้ำที่ไม่เหมือนใครในโลก ดังมากเว้ย ดังจนที่นี่เป็นอีกจุดหมายนึงที่นักท่องเที่ยวต้องมาดูเลยแหละ รู้อย่างนี้แล้วตามไปเลยสิจ้าา

เที่ยวพม่า 9 วัน 8 คืน ไปไหนบ้าง

ดูภาพแผนที่ด้านล่างได้เลย จะได้เห็นภาพรวมว่าผมไปไหนมาบ้าง เริ่มต้นบินจากกรุงเทพมาลงย่างกุ้ง และเที่ยวย่างกุ้งซัก 2 วัน 1 คืน ไหว้พระทำบุญ (อ่านรีวิวย่างกุ้ง) จากนั้นไปต่อกันที่ทะเลสาบอินเล ทะเลสาบที่ใหญ่อันดับสองของพม่าที่มีชาวอินคาที่พายเรือด้วยขาข้างเดียว ไม่เหมือนใครแล้วในโลกนี้ เที่ยวที่นี่ 2 วัน 1 คืนเช่นกัน มาต่อที่พุกาม (อ่านรีวิวพุกาม)  เมืองมหาสมุทรเจดีย์ ที่มีเจดีย์และวัดกว่า 2,229 องค์ที่ยังเหลือรอดอยู่ ซึ่งก็คือรีวิวนี้แหละครับ ใช้เวลาเที่ยว 2 วัน 1 คืน จบด้วยมัณฑะเลย์แบบชิลๆ 3 วัน 2 คืนก่อนกลับบ้าน

ตอนนี้มีรีวิวพม่าออกมาแล้ว 3 ตอน ตามนี้เลยคือ

     1. ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์
     2. ทะเลสาบอินเล : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์ (ที่อ่านอยู่ตอนนี้)
     3. พุกาม #พม่าคนเดียว : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์




วิธีไปทะเลสาบอินเล

วิธีที่ผมคิดว่าสะดวกที่สุดคือการนั่งรถทัวร์โดยสารไปทะเลสาบอินเลแหละ เพราะว่ามันเป็นรถบัสกลางคืน นั่นหมายถึงเราสามารถประหยัดค่าโรงแรมไปได้อีกหนึ่งคืน และจะถึงทะเลสาบอินเลช่วงเช้าตรู่พอดี เห้ยผมว่าวิธีนี้ดีสุดแล้วล่ะ ข้างล่างคือตารางรถบัสจากย่างกุ้งเท่าที่ผมทราบจากโรงแรมในย่างกุ้งนะครับ

รถบัสที่ผมได้ใช้บริการคือรถของ Mandalar Min ซึ่งต้องไปขึ้นรถบัสที่ Aung Mingala Highway Bus Station จะบอกว่า โคตรไกลและรถติดโคตรโคตรรรรรรร ควรเผื่อเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เพราะว่าตอนเย็นย่างกุ้งรถติดมาก ตามความรู้สึกตอนนั้นคือติดยิ่งกว่ากรุงเทพอีก ระยะยางทางจากดาวน์ทาวน์ย่างกุ้งไปสถานีขนส่ง Aung Mingala ระยะทาง 19 กม. ดังนั้นวางแผนดีๆไว้เลย สำหรับสภาพรถทัวร์นั้นคือโคตรดีตามชื่อแบบ VIP ดังนั้นไม่ต้องห่วงแจ้ ส่วน (2+1) บางคนอาจจะงงว่าคืออะไร ตัวเลขนี้คือจำนวนที่นั่งต่อแถวครับ ดังนั้น (2+1) คือ ที่นั่งคู่หนึ่งที่ และที่นั่งเดี่ยวหนึ่งที่ครับผม


รถทัวร์จากย่างกุ้งไปทะเลสาบอินเล

ชื่อบริษัทรถทัวร์เวลาออกราคาประเภทรถทัวร์
Mandalar Min7.30PM23,000 KSVIP (2+1)
JJ Express6.00PM23,500 KSVIP (2+1)
Shwe Mandalar7.00PM22,500 KSVIP (2+1)

* สำหรับการเดินทางจากเมืองอื่นๆ ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บ Go-Myanmar.com (คลิก) ได้เลยครับ เว็บนี้มีข้อมูลแน่นปึ๊กผมสามารถกะเวลาการเดินทางได้สบายๆเลยแหละ
** ตารางการเดินรถมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ดังนั้นตอนไปเที่ยว ให้เช็คกับทางโรงแรมให้ชัวร์อีกครั้งนะครับ กันพลาดเนาะ

วันแรก: ทัวร์เรืออินเล

รถบัสที่ผมมาจากย่างกุ้งจริงๆแล้วคือรถบัสที่จะไปเมือง Taunggyi ดังนั้นผมจะถูกปล่อยกลางทางแยกที่สามารถไปเมือง Nyaung Shwe หรือทะเลสาบอินเลต่อได้ พอลงมาจากรถบัสก็จะเจอรถแบบกะป๊อบ้านเราที่ตั้งรับรอนักท่องเที่ยวเพื่อเข้าไปยังทะเลสาบอินเลและส่งหน้าโรงแรม แน่นอนว่าเสียเงินค่ารถด้วย แต่จำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ ทีนี้จริงๆแล้วการเข้าย่านทะเลสาบอินเลจะมีค่าเข้าสำหรับนักท่องเที่ยวราคา 12,500 KS ($10) แต่ผมไม่ได้จ่ายว่ะ เหมือนคนขับรถบอกไม่ต้องจ่าย เดี๋ยวเค้าจัดการให้ เค้าจะแกล้งทำเหมือนผมเป็นคนพม่า สรุปไม่ต้องจ่ายตังค์จริงๆ.. เอ่ออ .. (เท่าที่รู้คือฝรั่งหัวทองต้องจ่าย เพราะแอ๊บเป็นพม่าไม่ได้) จากนั้นไม่นานก็ถึงโรงแรมแล้ว เช้าม๊ากก ประมาณ 8 โมงเช้าได้ เช็คอินยังไม่ได้ ดังนั้นผมทิ้งกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วเที่ยวต่อเลย
การเที่ยวย่านทะเลสาบอินเลที่ฮิตสุดคือการซื้อทัวร์นั่งเรือล่องทะเลสาบอินเล กับขี่จักรยานรอบๆทะเลสาบ
เอาล่ะ จากที่ผมแพลนไว้ว่าผมจะอยู่ที่อินเล 2 วัน 1 คืน ดังนั้นวันแรกผมจะซื้อทัวร์เรือและวันที่สองผมจะขี่จักรยาน อย่างโรงแรมผมเค้ามีจักรยานให้ยืมฟรี ไม่ต้องเสียตัง
สำคัญมาก! ซื้อทัวร์เรือ สิ่งที่ควรระวังมากที่สุดคือการโดนกับดักนักท่องเที่ยว ให้เข้าแต่ร้านขายของ ดังนั้นควรศึกษาจุดหมายปลายทางรอบๆที่ผมอยากจะไป และต่อรองกับคนขับเรือตั้งแต่แรก



เอาล่ะ เราตกลงกับทัวร์ไว้แล้วว่าจะไปไหนบ้าง ด้วยความที่ไปเที่ยวย่างกุ้งมาแล้วเที่ยววัดและเจดีย์ทุกวัน มาครั้งนี้ผมเลยตัดวัดและเจดีย์ออกทั้งหมด โดยลิสไปแล้วว่าจะไปไหนบ้าง แต่ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นลิสอะไรไปบ้าง แต่ที่แน่ๆคืออยากล่องเรือจนพระอาทิตย์ตก สรุปเค้าไม่ยอม และตีราคามาที่ 25,000KS เห้ย ตอนนั้นก็ไม่รู้ยังไง คือไปก็ได้วะ พอมานั่งเขียนรีวิวตอนนี้ถึงกับแบบ โดนไปสถานที่ขายของให้นักท่องเที่ยว (Tourist Trap) เกินกว่าครึ่ง

ผมจะมาร์คไว้เป็นดอกจันทร์นั่นแหละ แต่จริงๆ ถ้าไม่คิดไรมาก คือมันก็ไม่ได้แย่นะ คือเราได้เข้าไปดูคนท้องถิ่นกำลังทำงานฝีมือต่างๆนู่นนี่อยู่ เราสามารถถ่ายรูปได้แบบอิสระ แต่เค้าก็จะมีซุ้มหรือโซนขายของด้วย แต่ที่ดีคือเค้าไม่ได้บังคับเราให้ซื้อแบบฮาร์ดเซล ถือว่าโอเค

กระโดดขึ้นเรือเลย!

หลังจากเราตกลงราคาและจุดมุ่งหมายที่เราจะไปครบหมดแล้ว ก็กระโดดขึ้นเรือเลยแจ้ เรือจะออกจากเมือง Nyaungshwe แล้วตรงดิ่งลงมาข้างล่างมายังทะเลสาบอินเล ซึ่งวิวรอบๆแม่งสวยมากเอาจริง เพราะมีภูเขาล้อมรอบทะเลสาบเลย อากาศไม่ร้อนเพราะเรือวิ่งเร็ว แต่แดดจ้ามาก ดังนั้นทาครีมกันแดดด้วยนะเฟ้ย ไม่งั้นดำแน่ๆ




ไฮไลท์การขึ้นเรือทัวร์คือดูชาวประมงอินคาจับปลา ไม่ก็พายเรือด้วยเท้าข้างเดียว ไม่มีที่ไหนในโลกที่พายเรือแบบนี้ล้าวว





บ้านขายเครื่องเงิน *

เริ่มแรกคือโดนปล่อยที่บ้านขายเครื่องเงิน (Blacksmith House) ก่อนเลย นั่นไง กูโดนแล้ววว.. พอเดินเข้ามาจะเจาสาวพม่าเข้ามาดักและอธิบายถึงวิธีการทำเครื่องเงินอย่างรูปด้านล่างเนี่ยแหละ จากนั้นพอดูวิธีการทำเครื่องเงินเสร็จ จะพาเข้ามาเดินในร้านที่เต็มไปด้วยเครื่องเงิน ไม่ว่าจะเป็นสร้อย แหวน ตุ้มหู โดยของเด็ดที่เค้าบอกคือเครื่องเงินรูปปลา แล้วเค้าก็ล็อบบี้อีกว่า ของเค้าดีที่สุด ของที่อื่นคุณภาพย่ำแย่ อย่าไปซื้อ เอ้ออออ ..

นี่ก็เดินไปเดินมา .. หันกลับมาอีกที่ น้องนี่ที่มาด้วยกันโดนไปแล้วจ้าาาา ได้เครื่องเงินกลับไปฝากพ่อแม่



หลังจากออกมาจากบ้านเครื่องเงิน มีเรือหนึ่งลำมาดักต่อ ขายของที่เหมือนกับข้างในเปี๊ยบ แล้วคือตื๊อมาก ไม่ยอมปล่อยเรือผมว่ะ คือเอาถาดมาวางแปะขอบเรืออย่างในรูปนี่แหละ ยึกยักๆอยู่ประมาณเกือบสิบนาที ถึงปล่อยเรือผมไป คือผมไม่ค่อยฟีลนี้เท่าไหร่เลยง่ะ



บ้านทำร่ม / กะเหรี่ยงทอผ้า *

หลังจากบ้านเครื่องเงินเสร็จ คือมาบ้านที่ทำร่มกับกะเหรี่ยงที่ทอผ้าอยู่ หลักๆก็ไม่มีอะไรครับ คือชาวบ้านเค้าก็จะนั่งทำของเค้าไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ได้สนใจอะไรเรา เราก็สามารถถ่ายรูป เดินนู่นดูนี่ได้ปกติ หรือถ้าเราสงสัยอะไรก็สามารถถามเค้าได้เหมือนกัน ที่นี่จะไม่ฮาร์ดเซลเหมือนร้านเครื่องเงินร้านแรก อยากซื้อก็ซื้ออะไรประมาณนั้น



บ้านทอผ้าไหม ใยบัว *

บ้านต่อมาคือบ้านที่สาธิตการทอผ้าไหมจากใยบัว เค้าก็จะมีชาวบ้านนั่งเป็นโซนๆเลยว่าใครทำอะไรยังไงบ้าง โดยจะมีคนพม่าเนี่ยแหละคอยอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอยู่ เราสามารถเดินไปเดินมาถ่ายรูปได้หมดโดยที่ชาวบ้านที่นั่งทำอยู่ จะไม่สนใจอะไรเราเลย เหมือนโดน Stage มาให้ทำอย่างนี้เท่านั้นอ่ะ

หลังจากเราเดินเรียบร้อยเสร็จหมดแล้ว เค้าจะบังคับให้เราเข้าร้านขายผ้าไหมว่ะ แต่ผมว่าร้านนี้ใหญ่และมีผ้าไหมให้เลือกเยอะมาก ส่วนเรื่องราคานี่ไม่แน่ใจว่าแพงกว่าที่อื่นหรือเปล่า ผมเดินไปเดินมาดูของแปปนึงก็ออกแล้วครับ แฮ่






บ้านต่อเรือ / เครื่องไม้ *

ที่นี่เป็นบ้านสุดท้ายในการมาเยี่ยมชมวิถีชีวิตและภูมิปัญญาชาวบ้าน คือมาดูวิธีการต่อเรือว่าเค้าทำกันยังไง โดยจะมีชาวบ้านมาอธิบายให้ฟังนั่นคือ เรือของชาวบ้านที่นี่เนี่ย หนึ่งลำใช้เวลาสร้าง 1 ปีเลยนะเว้ย โดยใช้ต้นไม้หนึ่งต้นกับเรือหนึ่งลำ และเค้ายังบอกถึงตัวแว๊กซ์ที่ใช้เป็นตัวเชื่อมทาระหว่างรอยต่อของไม้อีกว่า เจ๋งสุด คือทาแปะแล้วติดทนนานมากๆ และยังกันน้ำอีกด้วย

myanmar-inle-lake-29

บ้านนี้ไม่ได้มีแต่การต่อเรือเท่านั้น ยังมีชาวบ้านนั่งทำบุหรี่แบบท้องถิ่นอีกด้วย คือเค้าก็ชวนผมไปทำบุหรี่อะแหละ แต่นี่ไม่สูบบุหรี่ไง เลยขอเซย์กู๊ดบาย ฮ่าๆ ใครดูดบุหรี่ก็จัดฮะ น่าจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ อีกทั้งเค้ายังมีขายกลับบ้านอีกด้วย

myanmar-inle-lake-05

แปลงเกษตรลอยน้ำ (Floating Garden)

สำหรับแปลงเกษตรลอยน้ำเป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี คือชาวอินคาที่นี่เค้าทำการเกษตรบนน้ำโดยการปลูกมะเขือเทศและแตงกวา โดยคนขับเรือเค้าจะขับผ่านแปลงเกษตรลอยน้ำ ซึ่งเราก็ชะโงกหน้าดูคนที่นี่กำลังทำกิจกรรมกันได้ ซึ่งโดยรวมแล้ว เฉยๆ ไม่ค่อยมีอะไรพิเศษเท่าไหร่ แต่มันดีตรงที่ภูมิปัญญาชาวบ้านนี่แหละ ว่าเค้าทำแปลงเกษตรนี้ยังไง โดยไม่ต้องพึ่งพื้นดินเลย

myanmar-inle-lake-34myanmar-inle-lake-14

วิธีการทำแปลงเกษตรของเค้าคือ การใช้หญ้าทะเลมาทำเป็นแพแล้วปักด้วยไม้ไผ่ลงไปบนโคลนใต้น้ำลึกประมาณ 1-5 เมตร จากนั้นก็จะโกยดินเลนก้นทะเลสาบ รวมถึงพืชและสาหร่ายใต้น้ำขึ้นมาโปะบนแปลงหญ้า โดยจะใช้หญ้าและดินเลนมาโปะซ้อนๆกันขึ้นไปจนแพหญ้ามีความหนาประมาณ 50 เซนติเมตร ทีนี้ก็จะได้เป็นแปลงเพาะปลูกแล้วว
ทะเลสาบอินเลเป็นแหล่งเพาะปลูกมะเขือเทศที่ใหญ่ที่สุดในพม่าเลยนะเห้ย

myanmar-inle-lake-41myanmar-inle-lake-22myanmar-inle-lake-46

วัดแมวกระโดด (Jumping Cat Monastery)

ที่นี่แทบจะเป็นวัดเดียวในการมาเที่ยวอินเล จริงๆเราสามารถเลือกได้หมดโดยการบอกกับคนขับเรือนะว่าจะไปไหนบ้าง ฮ่าๆ แต่จริงการมาที่วัดแมวกระโดดคือไม่ได้จะมาไหว้พระเลยเอาจริง เพราะนี่จะมาดูแมว … แมวจริงๆ! จริงๆแล้วชื่อวัดแมวกระโดดคือชื่อเล่นที่นักท่องเที่ยวเรียกกัน ชื่อวัดจริงๆคือชื่อ Nga Phe Kyaung แต่ไม่ค่อยมีคนเรียกกันเท่าไหร่
ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงของแมวกระโดดข้ามห่วงมาก โดยพระของวัดนี้เป็นคนเทรนและจัดแสดงในวัดนี้เนี่ยแหละ แต่ตอนนี้ถูกยกเลิกไปกว่าสองปีแล้ว
จากที่อ่านมาคือ ที่เค้ายกเลิกการแสดงแมวกระโดดเนี่ย เนื่องจากพระท่านที่เทรนแมวได้มรณะภาพแล้ว เลยไม่มีใครมาจัดการแสดงต่อ อีกทั้งการแสดงนี้ยังถูกตำหนิจากนักข่าวต่างชาติด้วยว่าไม่เหมาะที่พระจะมาเทรนแมวมาโชว์ แทนที่จะปฎิบัติธรรมหรือทำอะไรอย่างอื่น

ปัจจุบันวัดนี้ก็ยังมีแมวอยู่ แมวเยอะด้วย แต่จะนอนแอ้งแม้งต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาดูมันนอนเล่น เห้ย มันก็ไม่แย่นะ ดูแมวนอนก็เพลินๆดี

myanmar-inle-lake-40myanmar-inle-lake-45

ใครอยากดูเมื่อก่อนเค้าแสดงแมวกระโดดห่วงยังไง ลองดูวิดีโอได้เลย มีฝรั่งเค้าอัดไว้

myanmar-inle-lake-12myanmar-inle-lake-47

ด้านหลังมีตลาดด้วย เผื่อใครอยากมีซื้อของ แต่ส่วนมากเห็นมีแต่ขายเสื้อผ้า .. 5555

myanmar-inle-lake-09myanmar-inle-lake-11

หมู่บ้านบนน้ำ (Stilt House)

จากนั้นคนขับเรือก็จะพาเรามาหมู่บ้านลอยน้ำ โดยการขับวนรอบๆให้เราดู คือหมู่บ้านค่อนข้างใหญ่นะ คือมีหลายบ้าน แล้วนี่ก็สงสัยเหมือนกัน ว่าเค้าใช้ชีวิตอยู่กลางน้ำยังไงในเรื่องของสุขลักษณะ อย่างเช่น การขับถ่าย .. แล้วน้ำตรงนั้นมันไม่เสียหรือยังไง๊ อันนี้ก็ยังไม่ข้อสงสัยของตัวเองในหัวอยู่ ในบ้านเราทุกบ้านก็จะมีรถยนต์จอดเป็นพาหนะในการไปไหนมาไหนใช่ป่ะ แต่ที่นี่คือมีเรือจอดที่บ้าน คือใช้เรือในการสัญจรแทน มันก็เป็นอะไรที่ไม่เคยเห็นดีนะเว้ย
myanmar-inle-lake-42myanmar-inle-lake-37myanmar-inle-lake-26

หมู่บ้าน Maing Thauk

สำหรับหมู่บ้าน Maing Thauk คือการมาเดินดูสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในทะเลสาบอินเล ซึ่งเค้าบอกว่าถ้าเราไม่ได้ไปมัณฑะเลย์ เพื่อดูสะพานอูเบ็ง ที่นี่ก็สามารถทดแทนได้เช่นกัน ซึ่งสะพานอันนี้เนี่ยจะทอดยาวจากฝั่งออกไปทางทะเลสาบเกือบกิโลเลย แม่งยาวมาก ซึ่งตอนที่ผมไปเป็นช่วงเย็น น่าจะเป็นเวลาที่เด็กหมู่บ้านนั้นเลิกเรียนพอดี ก็เลยเห็นเด็กหิ้วปิ่นโตเดินออกมาเป็นแถวยาวเพื่อกลับบ้าน เป็นอีกภาพหนึ่งที่ยังประทับใจอยู่ในหัวเลยจริงๆ
myanmar-inle-lake-23myanmar-inle-lake-06myanmar-inle-lake-43myanmar-inle-lake-51
จากนั้นเราก็กลับเข้าฝั่ง เดินกลับโรงแรม โดยรวมการเที่ยวล่องเรือแบบทัวร์อันนี้ก็ไม่เลว ถึงแม้เกินครึ่งคือโดนเข้าไปในร้านขายของ ฮ่าๆ ถือยังว่าดีอยู่ จริงๆยังมีที่อื่นอีกที่เป็นวัดและเจดีย์ คือ เจดีย์ผ่องด่ออู (Phaung Daw Oo Pagoda) ที่มีพระบัวเข็มให้ขอพรและอธิษฐาน หรือหมู่บ้าน Indein มีเจดีย์เยอะที่ถูกทิ้ง ดูขลังมากกก ยังไงก็มีตัวเลือกอีกเยอะแยะ อันนี้อยู่ที่เราบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับเรือแล้วล่ะ ว่าเราจะไปไหนบ้างเนาะ

myanmar-inle-lake-30

วันที่สอง : ขี่จักรยาน

สำหรับใครที่เวลาเหลือ ลองเช่าจักรยานขี่รอบๆทะเลสาบก็ได้ ไม่ก็ลองถามโรงแรมที่พักอยู่ว่ามีจักรยานให้ยืมมั้ย เราจะได้ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่มเนาะ จากการที่เมื่อวานเราไปเที่ยวล่องเรือกันมาเรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็เหลือเวลาอีกครึ่งวันก่อนไปเมืองอื่นต่อ ก็เลยปั่นจักรยานนี่แหละ เพราะเมืองนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรทำนอกจากนี้แล้วจริงๆ

เส้นทางที่แนะนำคือฝั่งด้านขวาของทะเลสาบอินเลตามแผนที่ด้านล่างเลย อย่างตอนแรกคือแพลนกะปั่นไปถึงจุด D แต่สุดท้ายปั่นไม่ไหว ไปแค่จุด C กับจุด E ก็หอบตายแล้ว ส่วนจุด B ไม่ได้ไป เพราะมีเก็บค่าเข้า ค่าชิมไวน์ และรีวิวใน Tripadvisor บอกว่า ไวน์ห่วยแตกมากมาย แต่วิวเริ่ดเวอร์ ถ้าใครอยากไปก็แนะนำเส้นทางตามนี้แหละ 555

เอาล่ะ งั้นผมจะรีวิวแค่จุด C กับ E!
แผนที่ข้างล่างคลิกดูรูปใหญ่เซฟเก็บไว้ได้
inle-bicycle
myanmar-inle-lake-03myanmar-inle-lake-39

Inle Heart View Restaurant

การมาที่นี่คือมาด้วยความบังเอิญมาก เนื่องจากตอนแรกจะปั่นจักรยานไปถึงจุด D ที่เป็นหมู่บ้าน Maing Thauk ที่ผมนั่งเรือไปเมื่อวาน แต่ว่าโคตรเหนื่อยเลย ปั่นไม่ไหวแล้ว กอปรกับเห็นป้าย Inle Heart View อยู่ เลยปั่นเข้าไปโดยไม่ได้คิดอะไรเลยจ้า ทีนี้ต้องปั่นลึกเข้าไปอีก ประเด็นคือร้านอาหารนี้อยู่บนเนินสูงหน่อย ก็ต้องลากจักรยานขึ้นภูเข้าไปอีก แต่พอไปถึง ผมว่าแม่งดีย์เลย อาหารอร่อย และวิวเปิดโล่งสามารถเห็นวิวทะเลสาบอินเลได้ชัดเจนดีเลยล่ะ

myanmar-inle-lake-31myanmar-inle-lake-50myanmar-inle-lake-19

หลังจากสั่งน้ำสั่งขนมมากินให้หายเหนื่อยแล้วก็ปั่นกลับ ทีนี้ตอนปั่นกลับมันมีทางเลี้ยวซ้ายเข้าหมู่บ้านนึง ซึ่งผมก็ปั่นเข้าไปลึกสุดหมู่บ้าน ซึ่งอันเกิดจากการปั่นมั่วๆ สรุปไปเจอทุ่งหญ้ากับทุ่งนาเขียวขจีมาก เงียบแบบผ่อนคลาย และวิวดีโคตรๆเลยล่ะ

myanmar-inle-lake-36myanmar-inle-lake-35

เจดีย์ Kyaut Phyu Gyi

ปั่นจักรยานกลับเข้ามาในเมือง ด้วยความที่ปั่นไปเรื่อยๆ แล้วอยากลองเลียบคลองที่ไปสู่ทะเลสาบอินเลดู ปั่นไปจนสุดทางก็เจอกับเจดีย์ Kyaut Phyu Gyi ที่มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งอยู่ ที่นี่น่าจะไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เงียบมาก มีแต่กลุ่มเด็กพม่าที่กำลังเตะฟุตบอลเล่นกันอยู่ ก็เดินดูเล่นๆพร้อมยกมือไหว้พระพุทธรูป แค่นี้ก็ดีต่อใจแล้ว ถือเป็นการจบทริปทะเลสาบอินเลเพียงเท่านี้ 🙂

myanmar-inle-lake-53myanmar-inle-lake-54

พักที่ไหนในทะเลสาบอินเลดี?

ที่พักสำหรับคนงบน้อย (อย่างผม)

ให้เลือกที่พักในตัวเมือง Nyaungshwe เพราะที่พักเยอะ ราคาถูก แต่จะไม่มีฟีลความเป็นทะเลสาบอินเลซักเท่าไหร่ แต่ดีถ้าเราจะซื้อทัวร์เรือ เราสามารถตั้งต้นได้ที่ต้นสายของคลองที่จะออกสูงทะเลสาบอินเลได้เลย ที่พักที่แนะนำในอินเลคือลิสข้างล่างครับ สามารถเช็คราคาและจองผ่านลิงค์เว็บ Agoda หรือ Booking.com ได้เลยครับผม

1.) Paradise Hotel Nyaung Shwe (ราคา 1,300-2,000 บาท/คืน)

ผมพักโรงแรมนี้แหละ อยู่เกือบๆกลางเมือง แต่คือห้องดีเวอร์ในราคาแค่พันกว่าบาท ที่ผมไปพักมา ผมได้ห้องเป็นบ้านหนึ่งหลังเลยล่ะ และเช็คอินได้ตั้งแต่มาโรงแรมตอน 8 โมงเช้า มีบุฟเฟต์อาหารเช้า แถมให้ยืมจักรยานฟรีอีกด้วย ดีมากกก รูปข้างล่างคือรูปผมถ่ายเองนะครับ (ของในห้องรกสุดอะไรสุด 5555)
myanmar-inle-lake-55myanmar-inle-lake-56

2.) Inle Apex Hotel (ราคา 1,000-2,500 บาท/คืน)

โรงแรมนี้คือดี ตั้งอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ และพึ่งปรับปรุงใหม่ไม่นานมานี้เอง เรทติ้งรีวิวดีด้วยแหละ

ที่พักสำหรับคนงบเยอะหน่อย

ให้ไปพักรอบๆทะเลสาบอินเลแบบบ้านแพลอยน้ำเลย จะได้มีฟีลของการมาอินเลจริงๆจัง แต่การจะเข้าไปที่รีสอร์ท ก็ต้องจ้างให้เค้าขับเรือไปส่งอีก หรือไม่ก็เรียกให้โรงแรมมารับ ซึ่งจะมีเรื่องปัญหาการเดินทางนิดหน่อย แต่ไม่น่าจะลำบากมากนักหรอกน่าาา

1.) Golden Island Cottages Hotels (ราคา 2,800-4,000 บาท/คืน)

รีสอร์ทนี้มีคนมารีวิวใน Pantip ด้วยว่าดี อีกทั้งคนใน Tripadvisor ก็บอกว่าเริ่ดมาก และเค้าบอกว่ามีความคล้ายกับมัลดีฟเลยแหละ
Golden Island Cottages Hotels

2.) Shwe Inn Tha Floating Resort  (ราคา 3,000-6,000 บาท/คืน)

รีสอร์ทนี้ตั้งอยู่เกือบใต้สุดของทะเลสาบอินเลเลย และเป็นบ้านพักกลางน้ำด้วย จากรีวิวในเว็บอโกด้า มีแต่คนบอกว่าดีเวอร์วัง ลองดูครับ
Shwe-Inn-Tha-Floating-Resort


จบลงอีกหนึ่งตอนของการเดินทางไปเยือนพม่าจากทางเว็บไซต์ "hashcorner.com" ในส่วนของการรีวิวทะเลสาบอินเลย์  และในส่วนสุดท้ายของการเดินทางและบันทึกเรื่องราวสำหรับการเยือนพม่าจากทางเว็บไซต์ "hashcorner.com" จะเป็นส่วนของการรีวิวย่างกุ้ง  เมืองแห่งวัดที่มีอายุยาวนานมากที่ยังหลงเหลือให้เราเห็นความงามของสิ่งก่อสร้างจากห้วงเวลาในอดีตมาประกฎในปัจจุบัน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว พุกาม #พม่าคนเดียว : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์

รีวิว ย่างกุ้ง สายบุญ : เที่ยวพม่าให้ครบในทริปเดียว ย่างกุ้ง-อินเล-พุกาม-มัณฑะเลย์